เจ้าสาวญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยกับการโยนดอกไม้วันแต่งงานอีกต่อไป

Bouquet Toss คือการดูถูกคนโสดจริงหรือ?

งานแต่งงานเป็นวันที่เต็มไปด้วยความสุข ทั้งสำหรับผู้ร่วมงานและคู่บ่าวสาว แต่ในวันแห่งความสุขแบบนี้ก็ยังมีตะกอนเล็ก ๆ คาใจเจ้าสาวอยู่เล็กน้อย ซึ่งตะกอนที่ว่านี้คือการ Bouquet Toss หรือการโยนดอกไม้ในวันแต่งงานนั่นเอง เจ้าสาวหลายคนเริ่มปฏิเสธที่จะให้มีพิธีกรรมนี้ในงานแต่งของตัวเอง

เรื่องวัฒนธรรมการโยนดอกไม้ได้รับการพัฒนามาจากการฉีกทึ้งชุดเจ้าสาว เพราะในอดีตที่ค่านิยมการแต่งงานยังคงเข้มข้น ผู้หญิงถือเคล็ดด้วยการแย่งชุดเจ้าสาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์มงคลถึงการแต่งงานคู่ต่อไป ต่อมาการฉีกทึ้งชุดเจ้าสาวทำให้เจ้าสาวบาดเจ็บ จึงมีการเปลี่ยนมาเป็นช่อดอกไม้แทน บางวัฒนธรรมอาจใช้การโยนบล็อดโคลีโดยเจ้าบ่าวแทน เป็นการแสดงออกว่าการส่งต่อพิธีแต่งงานถึงคนอื่นเป็นเรื่องน่ายินดี

เหตุผลสนับสนุนการยกเลิกพิธีนี้คืออะไร?

การโยนดอกไม้เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยดอกไม้จะแทนการแต่งงาน เจ้าสาวโยนดอกไม้เพื่อเป็นการอวยพรให้คนโสดที่คนที่ยังไม่ออกเรือนได้แต่งงานเป็นคู่ต่อไป ซึ่งคนญี่ปุ่นเริ่มมีแนวคิดว่าเป็นการทำให้คนโสดเกิดความอับอาย เนื่องจากในการแต่งงานขณะโยนดอกไม้ คนโสดจะต้องออกมารวมตัวกันเพื่อรับดอกไม้ เป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ว่าคนโสดไม่ต้องการจะโสดอีกต่อไป หรือหากมีแฟนแต่ยังไม่แต่งงานก็ต้องการแต่งงานแล้ว ทั้งที่จริงการมีชีวิตคู่ควรเกิดขึ้นจากความพร้อมและความสมัครใจมากกว่า

การโยนดอกไม้เป็นการ Singles Harassment จริงหรือ?

คำว่า Singles Harassment เป็นการพูดถึงการคุกคามคนโสดผ่านกรอบของสังคม ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นมองว่าการมีค่านิยมว่าผู้หญิงจะต้องมีคู่ และควรมีความสุขกับการรับดอกไม้เพื่อแทนสัญลักษณ์ “การแต่งงาน” คนต่อไป เป็นการตอกย้ำความคิดที่ว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบจะต้องมีคู่ชีวิต การยกเลิกการโยนดอกไม้คนโสดจะไม่มีความจำเป็นต้องออกมายืนรับดอกไม้อีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องประกาศว่าโสด และสามารถมีความสุขในงานแต่งงานได้อย่างเต็มที่

สังคมญี่ปุ่นมีกลิ่นไอชายเป็นใหญ่สูง การที่ผู้หญิงอยากจะขยับมาถึงจุดที่เท่าเทียมและหลุดกรอบจากค่านิยมเก่า ๆ ก็กำลังเป็นกระแส ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้หญิงมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นที่บางครั้งอาจสืบต่อมาอย่างเคยชิน จนไม่รู้ว่ามันคือการกดขี่ การปฏิเสธการโยนดอกไม้จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งที่น่าสนใจ